เหยี่ยวยืนเหมือนหลับ เสือเดินเหมือนป่วย
เป็นมาตรการที่จะล่อจับเหยื่อ
ฉะนั้น
สุภาพชนแม้เฉลียวฉลาดก็ไม่ควรอวด
แม้มีสติปัญญาก็ไม่ควรแสดง
จึงจะมีพละกำลังในการแบกภาระอันใหญ่หลวง
นิทัศน์อุทาหรณ์
บังทองคนอัปลักษณ์
เหยี่ยวกับเสือล้วนเป็นสัตว์ดุร้ายที่ทุกคนกลัว เหตุใดมันจึงน่ากลัวเล่า ? ก็เพราะเหยี่ยวเมื่อมันเกาะอยู่บนต้นไม้ กิริยาอาการมันเหมือนกำลังหลับอยู่ ส่วนเสือเมื่อก้าวเดินก็เชื่องช้าเซื่องซึมเหมือนกำลังป่วยอยู่ ทำให้คนเราคลายความระมัดระวัง หลงกลต้องถูกเสือคาบเอาไปกินในที่สุด
เพราะฉะนั้น " ภาษิตรากผัก " จึงบอกแก่เราว่า
" สัตว์ที่น่ากลัวที่สุดคือสัตว์ที่เราเห็นว่าผอมโซอ่อนแอที่สุดส่วนคนที่มีความสามารถที่สุด ที่จะได้รับความสำเร็จที่สุดในอนาคต ล้วนแต่เป็นคนที่ดูไปแล้ว ไม่มีความสะดุดตาอะไรเลย "
ในสมัยสามก็ก ผู้กล้าทั้งสิบทิศล้นแต่ออกรวบรวมกำลังไปในที่ต่างๆ หวังว่าตนจะได้เป็นใหญ่ท่ามกลางผู้กล้าทั้งหลาย
วันหนึ่งมีคนมาขอพบเล่าปี่ คนคนนั้น คิ้วหนา จมูกแบน หน้าดำ หนวดสั้น เป็นคนอัปลักษณ์ยิ่งนัก ซึ่งเล่าปี่ไม่เคยพบเห็นใครที่อัปลักษณ์ยิ่งกว่านี้มาก่อน
เมื่อเล่าปี่ต้อนรับเขา เขาก็บอกว่าชื่อบังทอง มาหาเล่าปี่เพราะทราบว่า เล่าปี่ต้องการจะรวบรวมคนดีมีสติปัญญาความสามารถจึงมาขอสมัครอยู่ด้วย
เล่าปี่เห็นเขามีหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนั้น จึงติดว่าคงจะไม่มีสติปัญญามากมายดังคำกล่าวอ้าง จึงส่งเขาไปเป็นนายอำเภอที่เมืองเหลยหยางซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
บังทองรู้สึกว่าเขาถูกดูแคลน เมื่อไปถึงเมืองเหลยหยาง ก็เอาแต่กินเหล้าหาความสำราญ ไม่สนใจไยดีในกิจการบ้านเมือง เมื่อเวลาผ่านไป ๓ เดือน คำร้องทุกข์ของราษฎรก็กองอยู่เป็นตั้งๆ
เล่าปี่ได้ข่าวเข้าก็โกรธ สั่งให้เตียวหุยไปสอบสวนดู เมื่อเตียวหุยไปถึงที่นั่นราษฎรและเหล่าขุนนางพากันออกมาต้อนรับกันเอิกเกริกแต่ไม่เห็นบังทองแม้แต่เงา
เตียวหุยเป็นคนมุทะลุ โกรธจนตัวสั่น สั่งให้คนไปตามบังทองมาเมื่อบังทองมาพบ กลิ่นเหล้าก็โชยมาแต่ไกล เสื้อผ้าก็มอมแมมไม่เรียบร้อย เดินโซซัดโซเซตุปัดตุเป๋เข้ามา
เตียวหุยเห็นดังนั้นก็ตวาดว่า " ท่านเอาแต่กินเหล้า ทำให้ราชการต้องเสียหายจะว่าอย่างไร ? "
บังทองตอบว่า " ข้าพเจ้าทำให้ราชการเสียหายที่ไหนกัน ? " ว่าแล้วก็จัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อย สั่งให้ราษฎรนำคำร้องทุกข์มา เขาจัดการแก้ปัญหาไปอย่างยุติธรรมทุกเรื่อง หูเขาฟังเรื่องราวร้องทุกข์ มือก็เขียนคำตัดสินไปปากก็สั่งให้ดำเนินการ ทุกเรื่องเป็นที่แจ่มชัด และไม่มีความผิดพลาดที่ใดเลย เตียวหุยได้แต่รู้สึกประหลาดใจจนตาค้าง
บังทองว่าราชการเสร็จเรียบร้อยภายในไม่กี่เวลา แล้วหันมาถามเตียวหุยว่า " ข้าพเจ้าทำให้ราชการเสียหายตรงไหน ? ข้าพเจ้ารู้ความเป็นไปในแผ่นดินโดยละเอียด การปกครองอำเภอเล็กๆ แบบนี้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก "
เตียวหุยรู้สึกประหลาดใจ ไม่กล้าต่อว่าบังทองอีก รีบกลับไปรายงานให้เล่าปี่ทราบ เล่าปี่จึงเปลี่ยนท่าทีของตนต่อบังทองใหม่ แต่งตั้งเขาให้รับหน้าที่สำคัญสืบไป
หงอิ้งหมิง สมัยราชวงศ์หมิง ( สายธารแห่งปัญญา )
ที่มา : http://pumalone.blogspot.com/2013/02/blog-post_19.html