ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานแมวตาเพชร  (อ่าน 5872 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3923
เมื่อ: ธันวาคม 15, 2015, 01:23:30 AM
ตำนานแมวตาเพชร

ในสมัยโบราณ ชาวไทยมักมีความเชื่อในเรื่องของตำนาน สิ่งลี้ลับ รวมทั้งวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่กล่าวกันว่า จะช่วยคุ้มครองภัยอันตราย รวมถึงการนำพาโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งเพชรตาแมว ก็ถือเป็นวัตถุมงคล ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงกัน มาอย่างช้านาน ทั้งนี้ ไม่มีประวัติความเป็นมาอย่างชัดเจนว่า เรื่องของเพชรตาแมว มีมาตั้งแต่ยุคสมัยใด

นอกจากเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาว่ากำเนิดของเพชรตาแมวนั้น มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล โดยกล่าวกันว่า เมื่อครบรอบ 100 ปี ถึง 1,000 ปี จะมีเทพจากสรวงสรรค์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ 1 องค์ โดยเทพดังกล่าวจะมาเกิดเป็นแมว และได้นำแก้วมณีสารพัดนึก ซึ่งเป็นของวิเศษประจำตัวลงมาที่โลกมนุษย์ เพื่อชดใช้กรรมที่ยังเหลืออยู่ และก่อนที่เทพองค์ดังกล่าวจะละสังขารแมว ท่านจะประทานแก้ววิเศษที่รู้จักกันในนาม "เพชรตาแมว" ให้แก่ผู้ที่มีพระคุณ ที่เลี้ยงดูมาจนถึงวาระที่ได้ชดใช้กรรมหมดสิ้นแล้ว โดยก่อนจากไปท่านจะเข้ามาคลอเคลียกับผู้ที่เป็นเจ้าของเหมือนเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย และทิ้งเพชรตาแมวของตนไว้ให้ ก่อนที่จะกลับขึ้นไปบำเพ็ญตบะบนสรวงสวรรค์ดังเดิม

ในขณะเดียวกัน หากมองในแง่ของวิทยาศาสตร์ อาจกล่าวได้ว่า เพชรตาแมวเกิดจากแมวที่ตาเป็นต้อหิน โดยดวงตาข้างนั้นจะมีน้ำออกในตา แม้แมวไม่เจ็บปวด แต่ตาข้างนั้นจะไม่สามารถใช้การได้ และเมื่อแมวตัวดังกล่าวได้ตายลง ดวงตาข้างที่เป็นต้อก็จะแข็งขึ้นราวกับก้อนหิน แต่จะมีความสวยงาม แวววาว ราวกับเพชร ดังที่เรียกว่า เพชรตาแมว

โดยเพชรตาแมว มักมีลักษณะ ดังนี้

1. เพชรตาแมวชนิดหินใส มีลักษณะใสปนขุ่น ขนาดเท่าลูกแก้ว ในความใสจะเหมือนมีเสี้ยนไผ่อยู่ในตา หรือม่านตา เมื่อส่องด้วยกล้องขยายจะเห็นเป็นรังผึ้งขนาดเล็ก และมีเส้นเลือดขนาดเล็กด้วย ซึ่งเพชรตาแมวประเภทนี้มักมีสีฟ้าน้ำทะเล สีเหลือง สีเขียวอมฟ้า หรือสีม่วงอมชมพู

2. เพชรตาแมวชนิดใสเป็นแก้ว เพชรตาแมวชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนดวงตาแมวขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ในความใสจะไม่มีสีขาวขุ่นมาเจือปน มีมิติซับซ้อน และไม่สามารถทำเทียมเลียนแบบได้ เนื่องจากเนื้อจะใสบริสุทธิ์ และมีความแวววาวมาก

นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า มีความเกี่ยวพันกับ แมวสีสวาด ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น "แมวตาเพชร" เนื่องจากตอนที่มีชีวิตอยู่ ดวงตาทั้ง 2 ข้างของแมวสีสวาด จะมีลักษณะใสแววาวราวกับเพชร และยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ตอนที่แมวตาเพชรยังมีชีวิตอยู่ เมื่อมองไปที่เหยื่อนาน ๆ เหยื่อประเภทจิ้งจก นก และหนู จะแพ้นัยน์ตาแมวแล้วตกมาเป็นอาหารแมว โดยที่แมวไม่ต้องทำอะไร ซึ่งหลังจากตายไป แม้ร่างกายจะเน่าเปื่อย แต่เพชรตาแมวนั้น จะใสวาวยิ่งกว่าเพชร จึงทำให้เพชรตาแมวที่ได้จากแมวสีสวาดมีมูลค่าราคามหาศาล เพราะหาได้ยากกว่าเพชรตาแมวทั่ว ๆ ไป

และยังมีคำกล่าวอีกว่า ผู้ที่ได้ครอบครองเพชรตาแมว จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนามาตั้งแต่ชาติปางก่อน จึงทำให้สัตว์เทพตามมารับใช้ ซึ่งอานุภาพของเพชรตาแมว มีคุณวิเศษดั่งแก้วสารพัดนึก หากผู้ครอบครองได้มาอย่างถูกต้อง และหมั่นสร้างบุญบารมี ทำคุณงามความดี ก็จะทำให้เจ้าของเพชรตาแมวนั้น พบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง และแคล้วคลาดจากอันตราย แต่หากผู้ใดครอบครองเพชรตาแมวด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และทำแต่ความชั่ว บุคคลนั้นอาจมีอันเป็นไปต่าง ๆ นานาได้

ทั้งนี้ในปัจจุบัน เพชรตาแมว ยังคงเป็นวัตถุมงคล ที่บุคคลจำนวนมากอยากได้มาครอบครอง แต่เนื่องจากเป็นของหายาก และมีโอกาสเกิดขึ้นได้ราว 1 ในล้าน ดังนั้นมูลค่าราคาของเพชรตาแมวจึงอยู่ในหลักสิบล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะเพชรตาแมวที่มีลักษณะดี หรือเป็นของเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี อย่างไรก็ดี เพชรตาแมวที่จำหน่ายต้องผ่านการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือมีใบรับรองเป็นวัตถุธรรมชาติจากกรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น



ที่มาข้อมูล : https://www.facebook.com/photo.php?fbid=647087662094455&set=a.419874368149120.1073741826.100003796821604&type=1&fref=nf