เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
Menu
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ครูเลิศชาย ปานมุข
ครูเลิศชาย ปานมุข
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
พระราชกรณียกิจ
พระราชกรณียกิจด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
ผู้เขียน
หัวข้อ: พระราชกรณียกิจด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (อ่าน 4519 ครั้ง)
เลิศชาย ปานมุข
Administrator
Hero Member
กระทู้: 3923
พระราชกรณียกิจด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เมื่อ:
ตุลาคม 22, 2016, 10:30:08 AM
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้สร้างความสัมพันธ์กับนานาประเทศด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลาของการชึ้นครองราชย์ โดยในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ถึง ๒๕๑๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา รวม ๒๗ ประเทศ เพื่อเป็นการเจริญพระราชไมตรีกับบรรดามิตรประเทศเหล่านั้นให้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเพื่อนำความปรารถนาดีของประชาชนชาวไทยไปมอบให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ โดยรายชื่อประเทศต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือน มีตามลำดับดังนี้
? ประเทศเวียดนามใต้ ระหว่างวันที่ ๑๘ ? ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๒
? สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ ๘ ? ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๓
? สหภาพพม่า ระหว่างวันที่ ๒ ? ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๔ มิถุนายน ? ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ ๑๙ ? ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ? ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? สาธารณรัฐโปรตุเกส ระหว่างวันที่ ๒๒ ? ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ ๒๙ ? ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ ๖ ? ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศนอร์เวย์ ระหว่างวันที่ ๑๙ ? ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ ๒๓ ? ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๓
? สาธารณรัฐอิตาลี ระหว่างวันที่ ๒๘ กันยายน ? ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ เสด็จเยือนต่างประเทศ
? นครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศเบลเยียม ระหว่างวันที่ ๔ ? ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๑ ? ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศลักเซมเบิร์ก ระหว่างวันที่ ๑๗ ตุลาคม ? ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ ๒๔ ? ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๓
? ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ ๓ ? ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๓
? สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ระหว่างวันที่ ๑๑ ? ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
? สหพันธรัฐมลายา ระหว่างวันที่ ๒๐ ? ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๕
? ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ ๑๘ ? ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
? ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๒๖ สิงหาคม ? ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๕ เสด็จเยือนต่างประเทศ สำนักข่าวเจ้าพระยา
? ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ? ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๖
? สาธารณรัฐจีน ระหว่างวันที่ ๕ ? ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๖
? สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ ๙ ? ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๖
? สาธารณรัฐออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๒๙ กันยายน ? ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๗
? สาธารณรัฐเยอรมัน ระหว่างวันที่ ๒๒ ? ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ (เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งที่สอง)
? สาธารณรัฐออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๒๙ กันยายน ? ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ (เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งที่สอง)
? ประเทศอิหร่าน ระหว่างวันที่ ๒๓ ? ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๐
? สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๖ มิถุนายน ? ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๐ (เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งที่สอง)
? ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ ๒๑ ? ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๐
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มิได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอีก เพราะทรงเห็นว่าพระราชภารกิจภายในประเทศนั้นมีมากมาย อย่างไรก็ตาม หากประมุขหรือรัฐบาลของประเทศใดกราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จฯ ไปเยี่ยมเยือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชโอรส หรือพระราชธิดา เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี รวมทั้งเพื่อทอดพระเนตรวิทยาการ และศิลปวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ
จนกระทั่งวันที่ ๘ ? ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศลาว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งนับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่ว่างเว้นมาเป็นเวลานานกว่า ๓๐ ปี
พระราชกรณียกิจด้านการต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น รวมไปถึงการเสด็จพระราชดำเนินออกให้การต้อนรับราชอาคันตุกะจากประเทศต่างๆ ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้บรรดาทูตานุทูตเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสาส์นตราตั้งในการเข้ามารับตำแหน่งในประเทศไทย และถวายบังคมทูลลาเมื่อครบวาระอีกด้วย
การส่งพระราชสาส์นต่อประมุขต่างประเทศ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชสาส์น์ต่อประมุข?ผู้นำรัฐต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งพระราชสาน์แสดงความยินดี และพระราชสาสน์แสดงความเสียใจ ในโอกาสต่างๆ ที่เกิดขึ้น นับเป็นการสร้างและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
อย่างเมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้นำของประเทศมหาอำนาจอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา คือการแต่งตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงทรงตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ 2552 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชสาส์นถึงนายบารัค ฮุสเซน โอบามา ที่กำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 โดยมีข้อความว่า
?ในโอกาสที่ท่านเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้ามีความยินดีขอส่งคำอวยพรและความปรารถนาดีอย่างจริงใจมา เพื่อท่านประธานาธิบดีประสบความสำเร็จและความสุขสวัสดิ์ ทั้งเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประชาชน และความรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งขึ้นของสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างประเทศและประชาชนของเราทั้งสองจะกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในภายภาคหน้า?
การต้อนรับการมาเยือนของพระราชอาคันตุกะ
การต้อนรับการมาเยือนของประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในโอกาสต่างๆ อย่างสมพระเกียรตินั้น นอกจากเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศอันล้ำค่าสู่สายตาต่างประเทศ ยังเป็นการสร้างความประทับใจ และการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย
พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ผ่านพ้นไป ได้มีการต้อนรับการเสด็จเยือนไทยของพระราชอาคันตุกะ ๒๕ ประเทศ การมาเยือนของพระราชอาคันตุกะยังส่งผลดีต่อภาพรวมของประเทศในหลายด้าน ทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุน
นอกจากผลดีในด้านเศรษฐกิจแล้ว การมาเยือนของพระราชอาคันตุกะเป็นการแสดงให้เห็นว่า สถาบันกษัตริย์แต่ละประเทศต่างให้เกียรติกันและกัน และต้องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่งผลดีต่อการยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับต่างๆ
การยกระดับความสัมพันธ์กับประเทศที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับประเทศไทย
ผู้นำจากบางประเทศที่ไม่ได้เยือนประเทศไทยมาเป็นเวลานานแล้ว หรือไม่เคยมาเยือนอย่างเป็นทางการ การได้มาเข้าร่วมงานนี้เสมือนประกาศความสัมพันธ์ระดับของราชวงศ์เป็นครั้งแรก อาทิ ประเทศเลโซโทที่แม้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ แต่ไม่เคยมีการมาเยือนอย่างเป็นทางการของพระประมุข ประเทศลิกเตนสไตน์ที่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยได้เพียง ๙ ปี และไม่มีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตในไทย แต่ใช้วิธีการมอบหมายให้เอกอัครราชทูตจีนที่มีเขตครอบคลุมประเทศไทยด้วย
การกระชับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประเทศที่สัมพันธ์ดีกับไทย
พระราชอาคันตุกะ ๖๐ ปี ครองราชย์หลายประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทยทั้งในมิติของความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ต่อราชวงศ์ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล ความสัมพันธ์ทางการทูต และความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ การมาครั้งนี้จึงเป็นการแสดงไมตรีจิต และยืนยันความสัมพันธ์ที่อาจนำไปสู่การสานต่อความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุน เช่น ประเทศคูเวตที่มีความสัมพันธ์ทางการค้าและแรงงานที่ดีกับไทยตลอดมา ประเทศญี่ปุ่นที่มีความสัมพันธ์ทางราชวงศ์ที่ดีต่อกันเห็นได้จากการเสด็จเยือนกันและกันมาโดยตลอด ประเทศมาเลเซียที่แสดงออกอย่างชัดเจนในความสัมพันธ์ที่ดีโดยการปล่อยตัวคนไทยที่กระทำความผิด ๑๒๑ คนกลับสู่มาตุภูมิ
นอกจากนี้ผู้นำของประเทศอื่นที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ต่างร่วมแสดงความยินดี ยกย่องและแสดงท่าทียืนยันสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ยืนนาน อาทิ การส่งสาสน์ถวายพระพรชัยมงคลจากผู้นำประเทศจีน ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก รวมถึงข้อมติร่วมของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาที่ ๔๐๙ และหนังสือจากประธานาธิบดีประเทศสิงคโปร์ ที่ยืนยันที่จะสานสัมพันธ์ที่ดีกับไทยให้ยืนนาน
การมารวมตัวกันของราชวงศ์ทั่วโลกนับว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ล้วนเป็นผลจากพระราชกรณียกิจที่ในหลวงได้ทรงตรากตรำทำงานมาตลอดการครองราชย์
ที่มา :
http://www.chaoprayanews.com/2009/02/06
Tweet
พิมพ์
หน้า:
1
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ครูเลิศชาย ปานมุข
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
พระราชกรณียกิจ
พระราชกรณียกิจด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
Search
ชื่อผู้ใช้งาน
รหัสผ่าน
คงสถานะการเข้าระบบไว้ตลอด
ลืมรหัสผ่าน?