ผู้เขียน หัวข้อ: ดูดีอย่างเดียวไม่พอ คนเก่งต้องมี 9 คุณสมบัตินี้  (อ่าน 1821 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3910
1. เป็นคนใฝ่รู้ ทำตัวเป็นหนอนหนังสือ

คนเราเกิดมามีต้นทุนความรู้ไม่เท่ากัน แต่ทุกคนสามารถเพิ่มเติมความรู้ให้ตัวเองได้ และวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การอ่านหนังสือ

เพราะการอ่านหนังสือ ทำให้เก่งขึ้นได้จริง อย่างในชีวิตการทำงาน บริษัทคาดหวังให้คุณมีความรอบรู้ เชี่ยวชาญในหน้าที่ที่รับผิดชอบ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คุณเรียนรู้ ใฝ่รู้ ศึกษาค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ลองถามตัวคุณเองดูว่า วันนี้คุณได้ใช้เวลาอ่านหนังสือวันละกี่ชั่วโมง

แต่ละเดือนอ่านหนังสือไปกี่เล่ม ถ้ามีคนถามคุณว่า หนังสือที่คุณรัก ที่เป็นแรงบันดาลใจ คือเล่มไหน คุณสามารถตอบคำถามนี้ได้หรือไม่

2. อยู่ใกล้คนเก่ง

เคยมีคนกล่าวว่า “ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับหนังสือที่คุณอ่าน บ้านที่คุณอยู่ ผู้คนที่คุณพบ”

ดังนั้น หากคุณอยากเป็นคนเก่ง คุณควรจะหาใครสักคนที่เป็น Role Model ไม่จำเป็นว่าคนนั้นต้องอายุมากกว่า

ประสบการณ์มากกว่า หรือตำแหน่งสูงกว่า สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องเปิดใจเรียนรู้จากคนอื่น พยายามอยู่ใกล้คนเก่ง ศึกษาเรียนรู้จากเขา

หากเป็นคนที่บริษัท คุณอาจเรียนรู้งานจากเขาแบบ Work Shadow ก็ได้ เพราะจะยิ่งทำให้คุณเก่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น

3. ตั้งเป้าหมาย

คนเก่ง หรือคนที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนจะมีจุดเด่นของตัวเองที่คนจะพูดถึง เช่น เมื่อพูดถึง Steve Jobs

จะนึกถึงนวัตกรรมการเปลี่ยนโลก พูดถึงคุณธันยวัชน์ ไชยตระกูล นึกถึง SME พูดถึงคุณตัน ภาสกรนที นึกถึงชาเขียว

พูดถึงคุณปัญญา นิรันดร์กุล นึกถึงเกมโชว์ มนุษย์เราไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีจุดอ่อน จุดแข็ง เสมอ

พยายามค้นหาตัวเองให้เจอ ว่าอะไรคือสิ่งที่ต้องการ (You Want) อะไรคือสิ่งที่ทำได้ (You Can)

เพราะถ้าคุณหาเจอแล้ว ตั้งเป้าหมายไปเลยว่า จะต้องเก่งในเรื่องนี้ จะเป็นสุดยอดในเรื่องนี้

จากนั้นก็เดินตามเป้าหมายไปอย่างเคร่งครัด รับรองว่าความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

4. มุ่งมั่น อดทน ไม่ยอมแพ้

ความเก่ง ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่คือพรแสวง อย่างในหนังสือ Talent Code ของ Daniel Coyle ก็พูดว่าคนที่เก่งระดับโลก

ล้วนมาจากการฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งระหว่างทางอาจมีอุปสรรคเข้ามาทดสอบ ทำให้คุณอยากล้มเลิก แต่หากอยากสำเร็จ

คุณต้องมุ่งมั่น ทุ่มเท เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี อยากสำเร็จ อยากเก่ง ต้องแลก

5. มีทัศนคติที่ดี

ฐานความคิดที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น คือ “แพ้ได้ แต่แพ้แล้วต้องลุก” คนเราไม่จำเป็นต้องชนะทุกเรื่อง อย่างแชมป์มวยโลกของไทย

เขาทราย กาแลกซี่ ที่สามารถป้องกันแชมป์ได้ถึง 19 ครั้ง แต่ก่อนจะเป็นแชมป์โลก เขาก็เคยแพ้มาก่อน แต่เขาไม่ยอมแพ้ ล้มแล้วลุก

ดังนั้น การเป็นคนเก่ง ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ผิดพลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้และพยายามฟื้นตัวให้เร็ว กลับมาเดินต่อในสิ่งที่ตั้งเป้าเอาไว้

6. มีคุณธรรมเป็นหลักในการใช้ชีวิต

คนเราเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีจุดยืนในการดำเนินชีวิตด้วย คนเก่งที่ไม่มีหลักในการใช้ชีวิต จะประสบความสำเร็จได้ยาก

สิ่งที่จะทำให้ความเก่งของคุณ เป็นที่ปรากฎอย่างยั่งยืน คือ หลักหรือจุดยืนในการดำเนินชีวิต ซึ่งก็คือ คุณธรรม ความดีงาม

ในวันนึงถ้าคุณต้องตัดสินใจในสิ่งที่ยากลำบาก ลองถามตัวเองว่า อะไรคือจุดยืนของคุณ

7. มีทักษะพื้นฐาน

มีคนเคยบอกว่า ทักษะที่ทำให้สามารถไปไหนมาไหน ในโลกใบนี้ได้ มี 3 อย่างคือ

1) ทักษะการทำอาหาร ไปที่ไหนก็ไม่อดตาย

2) ทักษะดนตรี ที่นอกจากจะคลายเครียดแล้ว ยังช่วยหารายได้ เล่นดนตรีเปิดหมวกได้อีกด้วย

และ 3) ทักษะภาษาอังกฤษ เพราะคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสาร

แต่ในยุคนี้ต้องเพิ่มทักษะด้าน IT เข้าไปด้วย เพราะทุกวันนี้ แทบทุกอย่างล้วนเป็น Digital

ใช้ Smartphone ในการหาข้อมูลต่าง ๆ ถ้าคุณเป็นคนที่เก่งทั้งภาษาและ IT จะทำให้คุณได้เปรียบในการทำงาน

8. อย่ากลัวงานยาก

นโปเลียน กล่าวไว้ว่า “Ability without opportunity is nothing” ความสามารถที่ปราศจากโอกาส คือความสูญเปล่า

คนเรามีโอกาสหลายอย่าง เช่น โอกาสจากองค์กรที่ดี ที่มีระบบพัฒนาคนให้เก่งขึ้น โอกาสที่ได้เจอนายดี สามารถโค้ชและสร้างแรงบันดาลใจ

แนะนำเทคนิคและพร้อมสนับสนุน โอกาสที่ได้ทำงานที่ท้าทาย งานยาก งานแบบนี้จะทำให้คนเราเติบโตขึ้น

เพราะคนเราจะเรียนรู้ และเติบโตตามโจทย์ที่เจอในชีวิต ดังนั้น จงอย่ากลัวงานยาก อย่ากลัวงานที่ไม่เคยทำ

อย่ากลัวงานที่เป้าหมายแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะงานเหล่านี้ จะทำให้คุณเก่งเหนือคนอื่นในรุ่นเดียวกัน

9. สร้างเครือข่ายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้

สุภาษิตจีนกว่าวว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ปีนขึ้นที่สูงไม่ได้” การจะเติบโตในโลกไร้พรมแดน

ที่องค์ความรู้เพิ่มขึ้นมหาศาล จนคนไม่สามารถเรียนรู้ได้หมด คุณจะพบการเรียนรู้แบบใหม่ ๆ เช่น

Community of Practice หรือ การสร้างเครือข่ายในการเรียนรู้แบบชุมชน นักปฏิบัติเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน

เรื่องใดที่เป็นจุดเด่นจงถ่ายทอด เรื่องที่เป็นจุดอ่อนจงเรียนรู้ อย่าหวงที่จะให้ความรู้ เพราะยิ่งเราถ่ายทอด

เราจะยิ่งเก่งขึ้น อย่าอายที่ไม่รู้ และกล้าที่จะขอเรียนรู้ เพราะนี่คือเส้นทางที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น

ที่มา บวรนันท์ ทองกัลยา