ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติของบะหมึ่กึ่งสำเร็จรูป  (อ่าน 4219 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3923
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2016, 09:35:55 PM
          บะหมี่กึ่ง สำเร็จรูป คือบะหมี่แห้ง ที่กึ่งเตรียมทำมาให้แล้ว โดยปกติจะทานเมื่อได้เติมน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที ในปัจจุบันได้มีมากมายหลายยี่ห้อ มีทั้งชนิดซอง-ถ้วยและมีรสชาติต่างๆ มากมาย ถึงแม้ว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่จะมาจากทวีปเอเชีย ไม่ว่า จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ไทย เกาหลี แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีการนิยมทานกันในยุโรป อเมริกาเหนือ หรืออเมริกาใต้ เพราะว่าราคาที่ถูกนั่นเอง


          บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น เกิดจากการคิดค้นประดิษฐ์ของ อันโด โมโมฟุกุ (ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทในกลุ่มนิชชิน) ในปี 1958 จากการที่อันโดได้เห็นสภาพของผู้คนที่พากันไปยืนต่อแถวนานเพื่อรอกินราเม็น ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บกลางฤดูหนาว ของโอซาก้า เพียงเพื่อรอกินราเมนร้อนๆคลายหนาวเท่านั้น (ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเพิ่งจะแพ้สงครามโลก ข้าวยากหมากแพง) โดยการนำเส้นราเมนที่ได้จากผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่-โทริคะระ มาทอดในน้ำมันปาล์มเพื่อไล่ความชื้นออกไป ทำให้เก็บไว้ได้นาน และแค่เพียงเติมน้ำร้อน เส้นก็จะคืนสภาพเดิม สามารถกินได้ทันที ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะว่าเส้นผสมกับน้ำซุปกระดูกไก่แล้ว ทำให้เกิดอาหารที่เรียกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้นมา โดยมีชื่อผลิตภัณฑ์ว่าชิกิ้นราเมนขึ้นมา



ผู้คิดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

           ต่อมาในปี 1971 นั้นอันโดจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น ก็ได้คิดประดิษฐ์คัพเม็นขึ้นมา โดยการนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นมาใส่ในถ้วยพลาสติกทรงสูงคล้ายกับถ้วยกาแฟ โดยได้แนวคิดมาจากการที่ไปเห็นวิธีกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนอเมริกา ในคราวไปอเมริกาเพื่อสำรวจตลาด (รูปแบบของภาชนะตอนแรกนั้นเป็นแบบชามแบบที่ใส่พวกทงคัทซึด้ง ที่เรียกกันว่า ด้ง แต่ค่อนข้างใหญ่ เทอะทะ) ซึ่งใส่บะหมี่ลงในถ้วยกาแฟ เติมน้ำร้อน แล้วใช้ส้อมกินต่างแทนช้อน และเวลากินน้ำซุปก็ยกถ้วยกาแฟซด จึงเป็นที่มาของคัพเม็นนั้นเอง รวมทั้งพวกผัก เนื้อต่างๆ และเครื่องปรุงรสนั้น ถ้าเป็นคัพนูเดิ้ลของนิชชินแล้วจะใส่มาให้เลย เพียงเติมน้ำร้อนก็กินได้เลย

           ในตอนแรกที่วาง จำหน่ายนั้น ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายกันสักเท่าไหร่ จนเกิดมีเหตุการณ์การลักพาตัวประกันโดยกลุ่มฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายจัด (ต่อต้านจักรวรรดิญี่ปุ่น) ที่จังหวัดนากาโน่ โดยในเวลานั้นมีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ และนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือตัวประกันและคลี่คลายเหตุการณ์ของเจ้า หน้าที่ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของปลายเดือนกุมภาพันธ์ (โดยถ่ายทอดสดอยู่ตลอดเวลาเป็นเวลาถึง 10 วัน มิหนำซ้ำยังเป็นรายการที่มีเปอร์เซ็นต์ผู้ชมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โทรทัศน์ญี่ปุ่นด้วยคือราว 90%) นั่นก็รวมไปถึงภาพที่กำลังกินคัพนูเดิ้ลอยู่ด้วย ในสถานที่เกิดเหตุ (แทนข้าวกล่อง - เบ็นโตะ  ที่แข็งจากความเย็นจนกินไม่ได้) ทำให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักและเห็นถึงประโยชน์  ความสะดวกสบายของคัพนูเดิ้ล  จึงทำให้คัพนูเดิ้ลเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นโดยทั่วไปจนถึงทุกวันนี้ แล้วยังแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก เกิดการพัฒนาไปในรูปแบบต่างๆ มีหลากหลายยี่ห้อ  รสชาดตามแต่ละท้องถิ่นด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป  มีจำหน่ายในเมืองไทยครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕  นับถึงเวลานี้ก็เกือบ ๓๐ ปีแล้ว  ผลิตโดยบริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) จากการร่วมทุนระหว่างบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด กับบริษัทเพรซิเดนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด จากประเทศไต้หวัน ได้ออกผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสซุปไก่ ใช้สัญลักษณ์ทางการค้าว่า "มาม่า" จนกลายเป็นชื่อติดปากของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปเสียแล้ว

           ปัจจุบันยอดการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกบริษัทเฉลี่ยวันละ ๙ ล้านซอง โดยที่ร้อยละ ๘๐ จำหน่ายในประเทศ มูลค่ารวมในตลาดของสินค้าชนิดนี้เป็นเงินมากกว่า ๖,๐๐๐ ล้านบาทต่อปี

           อาจกล่าวได้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารยอดนิยมชนิดหนึ่งของคนไทย เพราะกินง่าย ราคาถูก  ผู้ผลิตพยายามสร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และเพิ่มเครื่องประกอบบางอย่าง เช่น สาหร่ายแห้ง หน่อไม้แห้ง ผักแห้ง กุ้งแห้ง หรือแม้กระทั่งซึ่งโครงกระดูกหมูอบบรรจุซอง และสารอาหารสามชนิด คือ ธาตุไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ลงในซองเครื่องปรุงรส เพื่อให้อาหารชนิดนี้มีประโยชน์แก่ผู้บริโภคมากที่สุด


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากtrueclicklife.com
ที่มา  :  วิชาการดอทคอม