เมื่อ: ตุลาคม 16, 2016, 04:38:02 PM
ตำหนักหลังนี้เป็นตำหนักขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนของเขตพระราชฐานชั้นใน ภายในพระบรมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริว่าจะปลูกตำหนักพระราชทานเจ้าดารารัศมี ผู้เป็นธิดาของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ แต่เมื่อพระเจ้าอินทวิชยานนท์ทราบข่าวเรื่องปลูกตำหนักนี้ พระองค์จึงขอพระบรมราชานุญาติ ขอเป็นผู้ปลูกตำหนักหลังนี้เอง เสมือนว่าเมื่อลูกสาวออกเรือนไปก็อยากจะเป็นผู้ปลูกบ้านให้ลูกสาวของท่านเอง ตำหนักนี้นอกจากจะเป็นที่ประทับของเจ้าดารารัศมีแล้ว ยังใช้เป็นที่ประทับของพระธิดาองค์น้อย นั่นก็คือพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี แต่เป็นที่น่าเสียดาย พระธิดาองค์น้อยนี้มีพระชนม์ได้เพียง 3 พรรษาเศษ ก็สิ้นพระชนม์ ตำหนักนี้ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งล้านนา เพราะเป็นตำหนักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของล้านนา ไม่ว่าจะเป็นนางข้าหลวงที่ล้วนแต่เป็นเจ้าหญิงจากล้านนา ธรรมเนียมการแต่งกายเอย อาหารการกินเอย ปฏิกิริยาต่างๆเอยก็ล้วนแต่เป็นล้านนาไปเสียหมด จนเป็นที่กล่าวขานกันว่า?ท่านยกเอาวังเชียงใหม่มาอยู่กลางวังหลวง?
ลักษณะของตำหนักเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสร้างเต็มพื้นที่ มีถนนตัดผ่านโดยรอบทั้งสี่ด้าน ตัวอาคารก่ออิฐฉาบปูนสูงสามชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผา ผนังของตำหนักตกแต่งด้วยลายปูนปั้นอย่างวิจิตรพิสดาร และเป็นอีกหนึ่งตำหนักที่ดูแปลกแตกต่างไปจากตำหนักอื่น นั่นก็คือไม่มีซุ้มประตูทางเข้า ดังนั้นทางเข้าของตำหนักนี้จะคล้ายกับการเจาะผนังเป็นช่องสี่แหลี่ยมเข้าไปในตัวอาคาร และประดับด้วยลายปูนปั้นตรงด้านบนของประตู ซึ่งเป็นรูปแบบของประตูที่นิยมสร้างกันมากในสังคมเมืองยุโรปในขณะนั้น ภายในตำหนักมีลานกว้าง ประตูและหน้าต่างของตำหนักนี้มีความวิจิตรบรรจงงดงามไม่เป็นรองตำหนักมเหสีองค์อื่นๆเลย
ความโดดเด่นอีกหนึ่งสิ่งอย่างของตำหนักนี้ก็คือ จะใช้ผนังของตำหนักเป็นเป็นโครงสร้างหลักเพื่อเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคาร โดยพนังของตำหนักนี้มีความหนาถึง 0.60 เมตร ปูพื้นด้วยหินอ่อนสีขาวสลับดำจากอิตาลี ส่วนพื้นและโครงสร้างด้านบนของตำหนักนั้นเป็นไม้สักทองเกรดดีที่พระเจ้าอินทวิชยานนท์ล่องแม่น้ำส่งตรงลงมาจากเชียงใหม่ แต่ละห้องนั้นสามารถเปิดทะลุหากันได้หมด ด้านบนเป็นที่ประทับของเจ้าดารารัศมีและพระราชธิดารวมถึงพระญาติวงศ์คนสนิท ด้านล่างจะเป็นที่อยู่ของเหล่าข้าหลวงและเจ้าหญิงเล็กๆจากเมืองเหนือที่ตามเสด็จเจ้าดารารัศมีมาจากเชียงใหม่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหญิงจาก เชียงใหม่ น่าน แพร่ ลำพูน เป็นต้น หลังจากที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 สวรรคตลง เจ้าดารารัศมีจึงตัดสินพระทัยเสด็จกลับคืนล้านนาเป็นการถาวร ภายหลังจึงเป็นที่ประทับของ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี พระราชธิดาในรัชกาลที่4
ประวัติการบูรณะ : ปีพ.ศ.2526 เปลี่ยนพื้นตามเฉลียงทางเดินทั้งสามชั้น ปูกระเบื้อพื้นห้องน้ำ ฉาบปูนซ่อมเปลี่ยนผนังไม้ บันไดไม้ ประตูไม้ หน้าต่างไม้ ปูกระเบื้อฝาห้องน้ำ พ.ศ.2530 รื้อกระเบื้องหลังคา ซ่อมเปลี่ยนโครงไม้หลังคาเป็นกระเบื้องรอนคู่สมัยใหม่ สกัดผนังเดิมออกแล้วฉาบใหม่ พ.ศ.2544 ปรับปรุงผนังปูนที่ผุและฉาบใหม่ ทาสีประตูหน้าต่างรอบนอกทั้งหมดพร้อมซ่อมฝ้าเพดานรอบนอก รวมค่าใช้จ่ายในการบูรณะทั้งสิ้น 1,985,000 บาท*
จากภาพด้านซ้ายคือ ตำหนักที่ประทับของเจ้าดารารัศมี ทั้งภายในและภายนอก
จากภาพด้านขวาคือ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี แต่งพระเกศาเป็นมวยด้านหลังประดับศิราภรณ์และปักปิ่น ทรงภูษาซิ่นผ้าไหมยกดอก ฉลองพระองค์คอปิดแขนระบายเป็นชั้นๆตกแต่งด้วยลูกไม้ ทรงสะพายแพรจีบทับด้วยสายสะพายเครื่องราชฯ ทรงถุงพระบาทและฉลองพระบาทส้นสูงหุ้มส้น
หนังสืออ้างอิง : พระบรมหาราชวังและการบูรณปฏิสังขรณ์ โดยสำนักพระราชวัง, สถาปัตยกรรมพระบรมมหาราชวัง โดยสำนักราชเลขาธิการ
ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/67137.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 16, 2016, 08:20:55 PM โดย เลิศชาย ปานมุข »