ผู้เขียน หัวข้อ: ศรัทธา เวลา ความรัก  (อ่าน 3354 ครั้ง)

ออฟไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3923
เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2015, 09:00:07 AM

?หากเรามีความศรัทธาต่อความรักอย่างแท้จริงแล้ว ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด มันก็ยังคงตรึงตราอยู่ในห้วงหฤทัยไม่รู้ลืม?? เรื่องราวของความรักมีหลายตำนานที่ถูกขับขานมาจนเราได้ยินเล่าอยู่จนทุกวันนี้ แต่จะสักกี่เรื่องที่เราจดจำได้ เรื่องราวของความรักระหว่างคนสองคนที่จบลงด้วยโศกนาฏกกรรมแต่ก็ยังคงแฝงด้วยความศรัทธาที่มีต่อความรักแท้?

เรื่องแรก เป็นเรื่องราวของทัชมาฮาลหรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามของสุสานหินอ่อน ทัชมาฮาลเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ถูกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีนามว่า มุมตัซ มาฮาล หรือ ?อัญมณีแห่งราชวัง? อัญมณีของพระองค์ดวงนี้ติดตามพระองค์ไม่เคยห่างพระวรกาย แม้กระทั่งในสนามรบ ทรงเป็นกำลังใจของพระองค์ตลอดมาจนกระทั่งวันที่ประสูติพระโอรส และเป็นวันที่ ?อัญมณีแห่งราชวัง? จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ พระจักรพรรดิชาห์ชะฮันทรงตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าโศก ทรงรับสั่งให้สร้างทัชมาฮาลเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก ต่อมาพระองค์ทรงพระประชวรและได้ถูกพระโอรสของพระองค์เองคุมขังเพื่อครองราชสมบัติแทน องค์จักรพรรดิ์ยังคงเฝ้ามองทัชมาฮาลของพระองค์ตลอดจนวาระสุดท้าย ลมหายใจของพระองค์สิ้นสุดลงพร้อมกับพระเนตรที่ยังคงเฝ้ามองทัชมาฮาลผ่านการสะท้อนจากเศษกระจกในห้องคุมขัง

เรื่องต่อมา เป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสองตระกูล ?คาปุเล็ตและมอนตาคิว? ณ เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี โรมิโอหนุ่มน้อยรูปงามแห่งมอนตาคิวได้ตกหลุมรักแรกพบเข้าอย่างจังกับจูเลียตในงานเลี้ยงของคาปุเล็ต ด้วยความรักของหนุ่มสาวแรกรุ่น โรมิโอจึงขอร้องบาทหลวงเพื่อจัดพิธีแต่งงานอย่างลับๆ ต่อมาเมอร์คิวชิโอเพื่อนรักของโรมิโอเกิดการทะเลาะกับน้องชายของจูเลียต น้องชายของจูเลียตได้ฆ่าเพื่อนรักของโรเมโอตายก่อน โรมิโอโกรธมากจึงได้พลั้งมือฆ่าน้องชายของจูเลียตตายตาม โรมิโอได้รับโทษโดยการเนรเทศออกนอกเมือง ด้านจูเลียตเธอเสียใจอย่างหนัก และถูกบังคับให้แต่งงานกับชายอื่น โดยที่คาปุเล็ตหารู้ไม่ว่าพิธีแต่งงานครั้งนี้เป็นพิธีศพของนาง จูเลียตไม่สามารถเอ่ยปากบอกใครได้เลย จึงนำเรื่องราวไปบอกกับบาทหลวง บาทหลวงให้ยาทิพย์ที่เมื่อดื่มจะทำให้ไม่หายใจเสมือนคนตายได้ชั่วขณะ จูเลียตจึงดื่มยาที่บาทหลวงเตรียมให้ ทุกคนคิดว่านางได้ตายไปแล้วจึงจัดพิธีศพขึ้นอย่างโศกเศร้า บาทหลวงเห็นดังนั้นจึงรีบเขียนจดหมายไปแจ้งข่าวกับโรมิโอเพื่อให้มารับจูเลียตเมื่อเธอฟื้น แต่ทว่าจดหมายมาช้าไป โรมิโอรับรู้เพียงว่านางอันเป็นที่รักจากไปแล้ว โรมิโอจึงรีบกลับมาหานางที่สุสานพร้อมกับยาพิษ เพื่อจะตายตามเธอไปด้วย เมื่อมาถึงโรมิโอได้แต่คร่ำครวญถึงความรักที่มีต่อจูเลียต จูเลียตเองที่แม้จะนอนหลับเหมือนคนที่ตายไปแล้ว แต่ได้ยินทุกคำพูดจากปากของโรมิโอที่แต่นางไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย สายไปโรมิโอได้ดื่มยาพิษเข้าไป เขาสิ้นใจฟุบกายลงข้างจูเลียตในทันที เมื่อจูเลียตตื่นขึ้นมาเห็นสามีของตน เธอจึงตัดสินใจดึงกริชข้างกายเขาออกมา และปลิดชีพตนเองตายตามสามีอันเป็นที่รัก

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้น ณ กรุงโรม ในยุคของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สองครองราชย์ พระองค์มีนิสัยชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่น และต่อต้านพวกคริสเตียนอย่างมาก แต่นักบุญวาเลนตินุสกลับมีความศรัทธาต่อพระเยซูคริสต์อย่างมาก เขาจึงถูกจับคุมขังเนื่องจากเป็นผู้นำของเหล่าคริสตชน ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาได้พบรักกับลูกสาวของผู้คุมขัง จูเลียเป็นหญิงสดใส บริสุทธิ์และไร้เดียงสา แต่ตาของนางบอดมาตั้งแต่กำเนิด วาเลนตินุสได้เล่าเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งเรื่องของพระเจ้าให้เธอฟัง ด้วยความรัก ความศรัทธา และคำอธิษฐานต่อพระเจ้า จูเลียจึงสามารถมองเห็นเป็นปกติอย่างปาฏิหาริย์ คืนก่อนการประหารจดหมายฉบับหนึ่งได้ถูกเขียนขึ้นแก่จูเลียเพื่ออำลาเป็นครั้งสุดท้าย และข้อความสุดท้ายในจดหมายคือ ?จากวาเลนไทน์ของเธอ? (From Your Valentine) รุ่งขึ้นของ 14 กุมภาพันธ์ นักบุญวาเลนตินุสจึงถูกประหารชีวิต จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ ต้นอามันต์สีชมพูได้จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม

เรื่องราวความรักสามเรื่องนี้ หรือหลายต่อหลายเรื่องที่ไม่ได้กล่าวถึง ต่างเป็น ความศรัทธาที่มีต่อความรักอย่างแรงกล้า ผ่านช่วงเวลามาหลายศตวรรษยังคงถูกเล่าขานกันต่อไป แม้ว่าเรื่องราวของพวกเขาทั้งหลายจะจบลงอย่างสุขสันต์ หรือโศกเศร้า แต่ศรัทธา เวลา และความรัก ก็ยังคงเป็นสิ่งที่อยู่เคียงคู่กันไปตราบนิจนิรันดร์ ?


ที่มา : http://www.bejame.com/article/892