เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
Menu
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ครูเลิศชาย ปานมุข
ครูเลิศชาย ปานมุข
เกร็ดความรู้
ประวัติ ความเชื่อ เรื่องเล่า ตำนาน
ผีรักษาพระพุทธรูปไม่ถูกกัน พระพุทธรูปก็ประดิษฐานร่วมกันไม่ได้
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
ผู้เขียน
หัวข้อ: ผีรักษาพระพุทธรูปไม่ถูกกัน พระพุทธรูปก็ประดิษฐานร่วมกันไม่ได้ (อ่าน 4511 ครั้ง)
เลิศชาย ปานมุข
Administrator
Hero Member
กระทู้: 3923
ผีรักษาพระพุทธรูปไม่ถูกกัน พระพุทธรูปก็ประดิษฐานร่วมกันไม่ได้
เมื่อ:
เมษายน 08, 2023, 10:35:57 PM
คติโบราณหนึ่งของชาวล้านช้างเชื่อถือกันว่า พระพุทธรูปสำคัญมี “ผี” คือเทวดารักษาทุกพระองค์ ผู้ปฏิบัติบูชาจำต้องเซ่นสรวงผีที่รักษาพระพุทธรูปด้วย เพราะถ้าผีนั้นไม่ได้ความพอใจ ก็อาจบันดาลให้เกิดภัยอันตรายต่างๆ นอกจากนี้หาก ผีรักษาพระพุทธรูป เป็นอริกัน ถ้านำพระพุทธรูปนั้นมาตั้งบูชาไว้ใกล้ ก็มักเกิดภัยอันตราย เพราะ ผีรักษาพระพุทธรูป วิวาทกัน เลยขัดเคืองถึงผู้ปฏิบัติบูชา
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โปรดให้เชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานเมื่อ พ.ศ. 2327 ครั้งนั้นโปรดให้เชิญพระบาง อันเป็นพระสำคัญคู่เมืองหลวงพระบาง (ภายหลังตกไปเป็นของพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตอยู่ ณ เมืองเวียงจันท์) พระองค์ได้ทรงเชิญลงมากับพระแก้วมรกต คราวเสด็จเป็นแม่ทัพไปตีได้เมืองเวียงจันท์ครั้งกรุงธนบุรี แล้วเชิญลงมากรุงธนบุรี ด้วยกันกับพระแก้วมรกตเข้ามาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เจ้านันทเสนบุตรพระเจ้าล้านช้างกราบบังคมทูลว่า ผีรักษาพระแก้วมรกต กับผีรักษาพระบางเป็นอริกัน พระพุทธรูป 2 พระองค์นั้นอยู่ด้วยกันในที่ใด มักมีเหตุภัยอันตราย โดยอ้างอิงตัวอย่างเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาว่า
เมื่อครั้งพระแก้วมรกตอยู่เมืองเชียงใหม่ กรุงศรีสัตนาคนหุตก็อยู่เย็นเป็นสุข ครั้นพระเจ้าไชยเชษฐาเชิญพระแก้วมรกตจากเมืองเชียงใหม่ไปไว้ด้วยกันกับพระบางที่เมืองหลวงพระบาง เมืองเชียงใหม่ก็เป็นขบถต่อกรุงศรีสัตนาคนหุต พม่าก็ยกทัพมารุกราน จนต้องย้ายราชธานีลงมาตั้งอยู่ที่เมืองเวียงจันท์
ครั้นเชิญพระบางลงมาไว้เมืองเวียงจันท์กับพระแก้วมรกตด้วยกันอีก ก็เกิดเหตุจลาจลต่างๆ บ้านเมืองไม่ปรกติมาจนเสียเมืองเวียงจันท์แก่กองทัพกรุงธนบุรี
ครั้นเชิญพระแก้วมรกตกับพระบางลงมาไว้ด้วยกันในกรุงธนบุรี ไม่ช้าก็เกิดเหตุจลาจล
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระราชดำริว่า พระบางก็ไม่ใช่พระพุทธรูปซึ่งมีลักษณะงาม เป็นแต่พวกชาวศรีสัตนาคนหุตนับถือกันจึงโปรดให้ส่งพระบางคืนขึ้นไปไว้ ณ เมืองเวียงจันท์
ถึงรัชกาลที่ 3 เจ้านครเวียงจันท์ (อนุ) เป็นขบถ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ เสด็จเป็นจอมพลยกขึ้นไปปราบปรามพวกชาวเวียงจันท์พาพระบางหนีไปได้แต่พระพุทธรูปพระองค์อื่น แต่ไม่ได้เชิญลงมากรุงเทพฯ
ครั้นเจ้าพระยาบดินทรเดชาขึ้นไปติดตามเจ้านครเวียงจันท์ (อนุ) ครั้งหลัง ได้พระบาง, พระแซกคำ, พระฉันสมอลงมากรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้เชิญไปประดิษฐานไว้ตามวัดนอกพระนคร ด้วยทรงรังเกียจตามคติที่ถือกันมาแต่ก่อน
ถึงรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชปรารภว่า วัดบวรสถานสุทธาวาสที่ในพระบวรราชวังยังไม่มีพระประธาน ทรงสืบหาพระโบราณ ได้ทรงทราบว่าพระเสริมอยู่ที่เมืองหนองคาย จึงให้เชิญลงมา ครั้นทอดพระเนตรเห็นก็โปรดพระพุทธลักษณะ จึงประดิษฐานไว้ในท้องพระโรง แต่ไม่ได้เชิญไปตั้งเป็นพระประธานวัดบวรสถาน
ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างพระอารามขึ้นใหม่หลายพระอาราม มีวัดปทุมวันเป็นต้น โปรดให้สืบหาพระพุทธรูปโบราณทางแขวงล้านช้าง ได้มาอีกหลายพระองค์ แต่คนทั้งหลายมักกล่าวรังเกียจตามคติชาวล้านช้าง เช่น ปีใดฝนแล้ง ก็มักโทษกันว่าเพราะเชิญพระล้านช้างเข้ามา จึงพระราชทานแยกย้ายไปประดิษฐานไว้ตามพระอารามต่างๆ มักอยู่นอกพระนคร
ครั้นถึงปีมะเมีย พ.ศ. 2401 เกิดดาวหางฝนแล้งและความไข้เนื่องกันถึง 3 ปี เสียงคนทั้งหลายโทษว่า เพราะพระบางกลับลงมาอยู่ในกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริอย่างเดียวกันกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้เชิญพระบางขึ้นไปไว้ยังเมืองหลวงพระบางแต่นั้นมา
ที่มา :
https://www.silpa-mag.com/history/article_77861
Tweet
พิมพ์
หน้า:
1
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
ครูเลิศชาย ปานมุข
เกร็ดความรู้
ประวัติ ความเชื่อ เรื่องเล่า ตำนาน
ผีรักษาพระพุทธรูปไม่ถูกกัน พระพุทธรูปก็ประดิษฐานร่วมกันไม่ได้
Search
ชื่อผู้ใช้งาน
รหัสผ่าน
คงสถานะการเข้าระบบไว้ตลอด
ลืมรหัสผ่าน?