ผู้เขียน หัวข้อ: พรานบุญ ผู้ค้นพบรอยพระพุทธบาท  (อ่าน 7277 ครั้ง)

ออนไลน์ เลิศชาย ปานมุข

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3923
เมื่อ: ธันวาคม 18, 2015, 12:26:40 AM


เมื่อเล่าถึงเรื่อง "พระพุทธบาท" แล้ว คงพลาดไม่ได้ที่จะเล่าถึง "พรานบุญ" ผู้ค้นพบรอยพระพุทธบาท ดังพระราชพงศาวดารกรุงสยาม ฉบับบริติชมิวเซียม บันทึกไว้ว่า

ศักราช ๙๖๘ ... เมืองสระบุรีบอกมาว่า พรานบุญพบรอยเท้าอันใหญ่บนเขา เห็นประหลาด สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดีพระทัย เสด็จด้วยพระที่นั่งเรือชัยพยุหบาตร พร้อมด้วยท้าวพระยาสามนตราชดาษดาโดยชลมารคนทีธาร ประทับท่าเรือ รุ่งขึ้นเสด็จทรงพระที่นั่งสุวรรณปฤษฎางค์ พร้อมด้วยคเชนทรเสนางคนิกรเป็นอันมาก ครั้งนั้นยังมิได้มีทางสถลมารค พรานบุญเป็นมัคคุเทศก์นำลัดตัดดงไปถึงเชิงเขา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นแท้ว่าเป็นรอยพระบรมพุทธบาท..."

โดยตามตำนานยังกล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อคณะภิกษุที่เดินทางกลับจากลังกาได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมว่า ทางลังกาได้ตรวจสอบที่ตั้งของรอยพระพุทธบาททั้ง 5 แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปประทับรอยไว้ด้วยพระองค์เองแล้วพบว่า มีรอยหนึ่งอยู่เหนือยอดเขาสุวรรณบรรพตในขอบขัณฑสีมากรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมจึงโปรดเกล้าฯ ให้มีท้องตราสั่งบรรดาหัวเมืองทั้งปวง ให้เที่ยวตรวจตราค้นดูตามภูเขาต่างๆ ว่าจะมีรอยพระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใด ครั้งนั้น เจ้าเมืองสระบุรี ได้ทราบจากนายพรานบุญว่า ครั้งหนึ่งออกไปล่าเนื้อในป่าใกล้เชิงเขา ยิงถูกเนื้อตัวหนึ่งเจ็บลำบากหนีขึ้นไปบนไหล่เขา ซุกเข้าเชิงไม้หายไป พอครู่หนึ่งก็เห็นเนื้อตัวนั้น วิ่งออกจากเชิงไม้เป็นปกติอย่างเก่า นายพรานบุญนึกประหลาดใจ จึงตามขึ้นไปดูสถานที่บนไหล่เขาที่เนื้อหนีขึ้นไป ก็พบรอยปรากฏอยู่ในศิลา มีลักษณะเหมือนรูรอยเท้าคน ขนาดยาวประมาณสักศอกเศษ และในรอยนั้นมีน้ำขังอยู่ด้วย นายพรานบุญเข้าใจ ว่าบาดแผลของเนื้อตัวที่ถูกตนยิง คงหายเพราะดื่มน้ำในรอยนั้น จึงวักน้ำลองเอามาทาตัวดู บรรดาโรคผิวหนังคือ กลากเกลื้อน ซึ่งเป็นเรื้อรังมาช้านานแล้ว ก็หายหมดสิ้นไป เจ้าเมืองสระบุรีได้สอบสวนความจริงและออกไปตรวจรอยนั้น จึงพบว่าเป็นไปตามคำบอกเล่าของนายพรานบุญ จึงมีใบบอกแจ้งเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา

ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ค้นพบรอยพระพุทธบาทคนแรก จึงได้มีการสร้างศาลสักการะ "พรานบุญ" ขึ้นบริเวณกุศลสถานบ่อพรานล้างเนื้อ ซึ่งเชื่อกันว่า เคยเป็นสถานที่ที่พรานบุญล้างเนื้อสัตว์ที่หามาได้ โดยบ่อน้ำแห่งนี้จะมีน้ำเต็มอยู่ตลอดเวลาผู้คนจึงนับถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ กล่าวกันว่าในสมัยโบราณน้ำในบ่อมีสีแดงคล้ายเลือดและมีกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง


ขนาดสุนทรภู่พรรณาในนิราศพระบาท ความว่า

"...พี่กลัวตายชายชวนไปชมอื่น
ร่มระรื่นรุกขาขึ้นขนาน
ถึงบ่อหนึ่งมีน้ำคำบุราณ.
ว่าบ่อพรานล้างเนื้อที่ในไพร
พิเคราะห์น้ำสมคำบุราณกล่าว
ยังมีคาวเหม็นหืนจนคลื่นไส้
ถนอมหอมกลิ่นนุชเป็นสุดใจ.
โอ้เป็นไรจึงไม่ติดอุรามา
น่าฉงนจนใจสงสัยจ้าน
ด้วยรอยพรานจารึกอยู่กับผา
แต่กล่าวไว้ว่าพรานไล่มฤคา.
รอยตีนหมาก็ยังมีสำคัญครันฯ..."



ที่มาจาก :: เรื่องเล่าของรอยใบลาน
https://www.facebook.com/roybilan